วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568

แคลเซียมคาร์บอเนต vs แคลเซียม L-Threonate แบบไหนดีกว่า? จ่ายแพงกว่าแล้วคุ้มไหม?

 

แคลเซียมคาร์บอเนต vs แคลเซียม L-Threonate แบบไหนดีกว่า? จ่ายแพงกว่าแล้วคุ้มไหม?

"คุณหมอคะ เห็นโฆษณาแคลเซียมกระปุกละเป็นพัน เขาบอกว่าเป็นแคลเซียมข้าวโพด ดูดซึมได้ 95% ดีกว่าแคลเซียมเม็ดสีขาวๆ ที่โรงพยาบาลแจก ตกลงมันจริงไหมคะ? แล้วเราจำเป็นต้องกินเสริมไหม?"

นี่คือคำถามยอดฮิตที่หมอเจอแทบทุกวันในคลินิกครับ โดยเฉพาะในยุคที่คนรักสุขภาพหันมาใส่ใจเรื่องกระดูกพรุนกันมากขึ้น พอเดินเข้าไปในร้านขายยา ก็เจอแคลเซียมเรียงรายเต็มชั้นวาง ทั้งแบบเม็ดแป้ง แบบน้ำ แบบผง ราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน จนเลือกไม่ถูก วันนี้หมอเก่งจะพาไปเจาะลึกแบบ "ผ่าเม็ดยา" ให้ดูกันชัดๆ ครับว่า ความเชื่อเรื่องการดูดซึม ราคา และความคุ้มค่า แบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด อ่านจบแล้วคุณจะเดินเข้าร้านขายยาได้อย่างมั่นใจ และประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะเลยครับ

เรื่องเล่าจาก "คุณพี่รัตนา" กับกระปุกยาวิเศษ คุณพี่รัตนา (นามสมมติ) อายุ 55 ปี มาปรึกษาหมอเรื่องปวดเข่า แกหอบถุงยาใบใหญ่มาด้วย ในนั้นมีกระปุกแคลเซียมราคาแพงยี่ห้อดัง แกบอกว่า "ลูกสาวซื้อให้ค่ะ เขาบอกว่าเป็นแคลเซียม L-Threonate ดูดซึมดีมาก ไม่ท้องผูก ไม่ตกค้าง แต่เดือนนึงต้องกินหลายกระปุก หมดเงินไปหลายพันเลยค่ะหมอ ถ้าหมอว่าดี ป้าก็จะกัดฟันกินต่อ" หมอหยิบกระปุกมาดูฉลากข้างขวด แล้วคำนวณให้ป้าฟัง... ผลปรากฏว่า ป้ากินแคลเซียมตัวนี้วันละ 2 เม็ด แต่ได้เนื้อแคลเซียมจริงๆ น้อยกว่ากินนมกล่องเดียวเสียอีก! ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เดี๋ยวหมอเล่าให้ฟังครับ

เราจำเป็นต้องกิน "แคลเซียมเสริม" ทุกคนไหม? ก่อนจะไปเถียงกันเรื่องชนิดของยา เราต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนครับ ร่างกายคนเราต้องการแคลเซียมประมาณ 800 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน (ในผู้สูงอายุอาจต้องการถึง 1,200 มก.) • ถ้าคุณกิน: นม 1-2 แก้ว + ปลาตัวเล็กตัวน้อย + ผักใบเขียว + เต้าหู้ ได้เป็นประจำ คุณอาจ "ไม่จำเป็น" ต้องเสียเงินซื้อยาเม็ดเลยครับ เพราะแคลเซียมจากอาหารคือสิ่งที่ดีที่สุด

ใครที่จำเป็นต้องกินเสริม: 1. ผู้สูงอายุ (ลำไส้ดูดซึมไม่ดี) 2. หญิงวัยหมดประจำเดือน (กระดูกบางลงเร็ว) 3. คนที่แพ้นมวัว หรือทานอาหารได้น้อย 4. คนที่มีภาวะกระดูกบาง/พรุน (ตามแพทย์สั่ง)

ศึกวันดวลแคลเซียม: Carbonate vs L-Threonate ในท้องตลาดหลักๆ เราจะเจอผู้ท้าชิงอยู่ 2 รุ่นครับ คือรุ่นเก๋า (Carbonate) กับรุ่นใหม่ไฮโซ (L-Threonate) มาดูข้อดีข้อเสียกันแบบหมัดต่อหมัดครับ

1. แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate) เปรียบเหมือน: "รถบรรทุกสิบล้อ รุ่นประหยัด"หน้าตา: เม็ดแป้งสีขาว เม็ดใหญ่ มักแจกตามโรงพยาบาล หรือร้านยาขายราคาหลักร้อย • ความเข้มข้น (Elemental Calcium): สูงมาก (40%) หมายความว่า ใน 1 เม็ดหนัก 1,000 มก. จะมีเนื้อแคลเซียมจริงๆ ถึง 400 มก. กินวันละ 1-2 เม็ดก็เพียงพอแล้ว • การดูดซึม: ต้องอาศัย "กรดในกระเพาะ" ช่วยละลาย ดังนั้น "ต้องกินหลังอาหารทันที"ข้อเสีย: อาจทำให้ท้องอืด แน่นท้อง หรือท้องผูกในบางคน และถ้ากินตอนท้องว่างจะดูดซึมไม่ได้เลย • ความคุ้มค่า: ราคาถูกที่สุด ประสิทธิภาพดี (ถ้ารู้วิธีกิน)

2. แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต (Calcium L-Threonate)หน้าตา: มักเป็นผงชง หรือเม็ดแคปซูล ราคาค่อนข้างสูง (สกัดจากข้าวโพด) • ความเข้มข้น (Elemental Calcium): น้อยมาก (ประมาณ 13%) หมายความว่า ใน 1 เม็ดหนัก 1,000 มก. จะมีเนื้อแคลเซียมจริงๆ แค่ 130 มก. เท่านั้น! • การดูดซึม: ดูดซึมได้ด้วยตัวเอง (Passive transport) ดูดซึมได้สูงถึง 95% ตามโฆษณาจริง และ "กินตอนไหนก็ได้" ไม่ต้องง้อกรดในกระเพาะ • ข้อเสีย: แม้จะดูดซึมดี แต่เนื้อแคลเซียมน้อยมาก หากคุณต้องการแคลเซียมวันละ 800 มก. คุณอาจต้องกินแอล-ทรีโอเนตถึง วันละ 6-7 เม็ด (ซึ่งเปลืองเงินมาก) • ข้อดี: ไม่ค่อยทำให้ท้องผูก

เพื่อให้คุณเลือกถูกว่าตัวไหนคือคู่แท้สำหรับกระดูกของคุณ ลองจินตนาการตามหมอนะครับ

ตอบคำถาม: "L-Threonate ดูดซึมดีกว่า จริงไหม?" คำตอบคือ: จริงครับ แต่...

สมมติเราเปรียบเทียบ "รถบรรทุก" (Carbonate) กับ "รถมอเตอร์ไซค์" (L-Threonate)

Carbonate: เป็นรถบรรทุก ขนแคลเซียมมาเต็มคัน (400 มก.) แต่อาจจะเข้าจอดยากหน่อย (ดูดซึมยากกว่า) เข้าจอดได้จริง 30-40% ก็ได้เนื้อแคลเซียมไปประมาณ 120-160 มก.L-Threonate: เป็นมอเตอร์ไซค์ ขนแคลเซียมมานิดเดียว (130 มก.) แต่ซิ่งเข้าจอดได้เกือบหมด (95%) ก็ได้เนื้อแคลเซียมไปประมาณ 120-125 มก.

สรุป: เมื่อหักลบกลบหนี้แล้ว ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายได้รับต่อ 1 เม็ด (ขนาด 1000 มก. เท่ากัน) "แทบจะไม่ต่างกันเลยครับ" แต่ L-Threonate จ่ายแพงกว่าหลายเท่าตัว

แล้วเราควรเลือกแบบไหน? หมอมีหลักการเลือกง่ายๆ ให้ครับ:

  1. ทีมประหยัดและคุ้มค่า: เลือก Calcium Carbonate ครับ เพียงแค่คุณกิน "หลังอาหารทันที" และดื่มน้ำตามเยอะๆ คุณจะได้แคลเซียมเพียงพอในราคาที่สบายกระเป๋า
  2. ทีมกระเพาะบาง / ท้องผูกง่าย: เลือก Calcium L-Threonate ครับ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการย่อย ทานยาหลังอาหารแล้วแน่นท้อง หรือคนที่มีงบประมาณไม่จำกัด ยอมจ่ายเพื่อแลกความสบายท้อง
  3. ทีมทางสายกลาง: อาจมองหา Calcium Citrate (แคลเซียม ซิเตรต) ซึ่งดูดซึมดีกว่า Carbonate ไม่ต้องง้อกรด แต่ราคาอยู่กลางๆ และเนื้อแคลเซียมประมาณ 21%

ข้อควรระวัง! กินแคลเซียมผิด วิธีอาจเกิดโทษ ไม่ว่าจะกินชนิดไหน ข้อควรระวังเหมือนกันครับ: • อย่ากินทีเดียวเยอะๆ: ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ทีละไม่เกิน 500 มก. ถ้าต้องกินวันละ 2 เม็ด ให้แยกมื้อ (เช้า-เย็น) ดีกว่ากินรวบเดียว • ระวังนิ่วในไต: การกินแคลเซียมเสริม แล้ว "ดื่มน้ำน้อย" อาจเพิ่มความเสี่ยงนิ่วได้ (แต่การกินแคลเซียมจากอาหารไม่เพิ่มความเสี่ยง) • ต้องมีวิตามิน D: แคลเซียมเหมือนก้อนอิฐ วิตามิน D เหมือนคนก่ออิฐ ถ้าขาดวิตามิน D กินแคลเซียมไปก็เอาไปสร้างกระดูกไม่ได้ครับ (ควรรับแดดอ่อนๆ หรือตรวจระดับวิตามิน D บ้าง) • อย่าเชื่อคำว่า "ไม่ตกค้าง": แคลเซียมทุกชนิด ถ้ากินมากเกินความจำเป็น ร่างกายต้องขับออกทางไตทั้งนั้นครับ ไม่มีชนิดไหนวิเศษจนหายวับไปเองได้

สรุป สำหรับคำถามที่ว่า "ควรกินรูปแบบใด?"

หากคุณไม่มีปัญหาเรื่องท้องอืด ท้องผูก และอยากประหยัดค่าใช้จ่าย "แคลเซียม คาร์บอเนต" คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดครับ เพียงแค่ทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่

แต่ถ้าคุณทานแล้วท้องผูกมาก หรือมีงบประมาณเพียงพอ และต้องการความสะดวกในการกิน (กินตอนท้องว่างได้) "แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต" ก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องเช็คปริมาณการกินให้ถึงเป้าหมายด้วยนะครับ (อาจจะต้องกินหลายเม็ดหน่อย)

สุดท้าย อย่าลืมว่า "แคลเซียมเม็ด เป็นแค่ตัวเสริม" อาหารจานหลักของคุณคือ นม ปลา ผัก และการออกกำลังกาย นั่นคือรากฐานของกระดูกที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนครับ

บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่ ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง) ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ 📱 Line ID: @doctorkeng #แคลเซียม #Calcium #กระดูกพรุน #แคลเซียมคาร์บอเนต #แคลเซียมแอลทรีโอเนต #อาหารเสริมกระดูก #หมอเก่งกระดูกและข้อ #ผู้สูงอายุ #วิตามินบำรุงกระดูก #สุขภาพผู้หญิง References:

  1. Balk EM, Adam GP, Langberg VN, et al. Global dietary calcium intake among adults: a systematic review. Osteoporos Int. 2017;28(12):3315-3324.
  2. Straub DA. Calcium supplementation in clinical practice: a review of forms, doses, and indications. Nutr Clin Pract. 2007;22(3):286-296.
  3. Wang H, Hu P, Jiang J. Pharmacokinetics and safety of calcium L-threonate in healthy volunteers after single and multiple oral administrations. Acta Pharmacol Sin. 2011;32(12):1555-1560. (ศึกษาเรื่องการดูดซึมของ L-threonate)
  4. Weaver CM, et al. Calcium plus vitamin D supplementation and risk of fractures: an updated meta-analysis from the National Osteoporosis Foundation. Osteoporos Int. 2016;27(1):367-376.
  5. Li K, Wang XF, Li DY, et al. The good, the bad, and the ugly of calcium supplementation: a review of calcium intake on human health. Clin Interv Aging. 2018;13:2443-2452.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น