วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568

กินแคลเซียมทุกวัน ทำไมกระดูกยังหัก? ไขปริศนาที่คนรักสุขภาพคาใจ และความเข้าใจผิดเรื่อง "แคลเซียม = กระดูกเหล็ก"

 



กินแคลเซียมทุกวัน ทำไมกระดูกยังหัก? ไขปริศนาที่คนรักสุขภาพคาใจ และความเข้าใจผิดเรื่อง "แคลเซียม = กระดูกเหล็ก"

วันนี้หมอมีประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ และเป็นคำถามที่หมอโดนถามบ่อยที่สุดคำถามหนึ่งในห้องตรวจเลยครับ เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจคนรักสุขภาพไม่น้อย

มีคุณป้าท่านหนึ่ง สมมติชื่อ "ป้าศรี" อายุ 65 ปี เป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมากครับ ป้าศรีบอกหมอว่า "ป้ากินแคลเซียมเม็ดทุกวันมา 5 ปีแล้วนะหมอ ไม่เคยขาด นมก็ดื่ม ปลาเล็กปลาน้อยก็กิน ทำไมเมื่อวานลื่นในห้องน้ำก้นกระแทกนิดเดียว หมอบอกว่ากระดูกสะโพกหักได้ล่ะ? ไหนว่ากินแคลเซียมแล้วกระดูกจะแข็งแรงไง?"

ฟังแล้วน่าเห็นใจนะครับ อุตส่าห์มีวินัยกินยาบำรุงแทบตาย สุดท้ายก็ยังเจ็บตัว หลายท่านอาจจะกำลังสงสัยเหมือนกันว่า "ตกลงแคลเซียมมันช่วยได้จริงไหม? หรือเรากำลังเสียเงินฟรี?"

ทำไมแค่ "กินแคลเซียม" ถึงอาจจะไม่พอ และอะไรคือ "จิ๊กซอว์ที่หายไป" ในการสร้างกระดูกให้แข็งแกร่งครับ

ทำความเข้าใจใหม่: แคลเซียม คือ "อิฐ" แต่บ้านจะแข็งแรงต้องมี "ปูน" และ "ช่างก่อสร้าง"

หมออยากให้จินตนาการว่า กระดูก ของเราเปรียบเสมือน กำแพงอิฐ ครับ แน่นอนว่า "แคลเซียม" คือ ก้อนอิฐ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญมาก ถ้าไม่มีอิฐ ก็สร้างกำแพงไม่ได้

แต่... ลองนึกภาพดูนะครับ ถ้าเราเอาก้อนอิฐมากองรวม ๆ กันเฉย ๆ โดยไม่มีปูนซีเมนต์เชื่อม แล้วไม่มีช่างมาก่อกำแพง พอเราเดินไปชนเบา ๆ กำแพงอิฐนั้นก็พังครืนลงมาใช่ไหมครับ?

ร่างกายก็เช่นกันครับ:

  1. แคลเซียม (อิฐ): คือวัตถุดิบ
  2. วิตามินดี (ปูนซีเมนต์): ตัวช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด และนำไปแปะที่กระดูก ถ้าขาดวิตามินดี กินแคลเซียมไปเท่าไหร่ ก็ขับถ่ายทิ้งหมดครับ
  3. การออกกำลังกาย/การลงน้ำหนัก (ช่างก่อสร้าง): แรงกระแทกจากการเดินหรือวิ่ง จะเป็นตัวส่งสัญญาณบอกกระดูกว่า "เฮ้ย! เจ้าของใช้งานหนักนะ ต้องรีบเอาแคลเซียมมาซ่อมแซมให้หนาขึ้นเดี๋ยวนี้"

ดังนั้น คำตอบแรกของป้าศรีคือ "ป้าอาจจะมีแค่อิฐ (แคลเซียม) แต่ขาดปูน (วิตามินดี) และขาดช่าง (การออกกำลังกาย)" ทำให้กระดูกที่สร้างขึ้นมา ไม่แน่นหนาพอครับ

กับดักที่ 2: "โจรขโมยแคลเซียม" ที่เรากินเข้าไปทุกวัน

หลายคนเติมแคลเซียมเข้าไปเยอะ แต่หารู้ไม่ว่า พฤติกรรมบางอย่างของเรา กำลังทำหน้าที่เป็น "รถบรรทุก" ขนแคลเซียมออกจากกระดูกไปทิ้งทางปัสสาวะครับ

  1. กินเค็ม (โซเดียม): ศัตรูตัวฉกาจที่สุด! ร่างกายเรามีกลไกแปลกอยู่อย่างหนึ่งครับ เวลาไตขับโซเดียม (ความเค็ม) ออกจากร่างกาย มันจะ "ลากเอาแคลเซียม" ติดร่างแหออกไปด้วย ยิ่งกินเค็ม กระดูกยิ่งบาง
  2. กาแฟ/คาเฟอีน: การดื่มกาแฟเกินวันละ 2-3 แก้ว จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม
  3. น้ำอัดลม: มีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งจะไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูก
  4. ความเครียดและการพักผ่อนน้อย: ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายรวน การซ่อมแซมกระดูกลดลง

กับดักที่ 3: กระดูกหนา แต่ "เปราะ" (คุณภาพกระดูกไม่ดี)

ข้อนี้ลึกซึ้งหน่อยครับ ในทางการแพทย์เราพบว่า "ความหนาแน่นของกระดูก" (Bone Density) ที่เราตรวจกัน กับ "คุณภาพของกระดูก" (Bone Quality) อาจจะไม่ไปทางเดียวกันเสมอไป

เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือน "ไม้" ครับ

  • ไม้สด: มีความเหนียว ยืดหยุ่น ดัดงอได้นิดหน่อยไม่หัก (กระดูกเด็ก/คนหนุ่มสาว)
  • ไม้ผุ/ไม้แห้งกรอบ: ดูภายนอกอาจจะท่อนใหญ่ แข็งโป๊ก แต่พอโดนกระแทกปุ๊บ "เปรี้ยง!" หักทันที (กระดูกผู้สูงอายุ)

บางคนกินแคลเซียมจนกระดูกดูขาวโพลนในฟิล์มเอกซเรย์ แต่โครงสร้างภายใน (Micro-architecture) มันกรอบเหมือนไม้แห้งครับ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากอายุที่มากขึ้น ภาวะหมดประจำเดือน หรือโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคไต หรือการกินยาชุด ยาสเตียรอยด์มานาน ๆ

ทำไมกินแคลเซียมแล้วยังหัก? เพราะ "การล้ม" คือตัวแปรสำคัญ

ต่อให้เราบำรุงกระดูกดีแค่ไหน แต่ถ้าเรา "ล้มแรง" หรือ "ล้มผิดท่า" กระดูกคนเราก็หักได้ครับ ในผู้สูงอายุ ปัญหาหลักอาจไม่ได้อยู่ที่กระดูกไม่แข็งอย่างเดียว แต่อยู่ที่:

  • กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง: ทรงตัวไม่อยู่
  • สายตาไม่ดี: มองไม่เห็นพื้นต่างระดับ
  • ผลข้างเคียงยา: กินยาความดัน ยานอนหลับ แล้วมึนงง

ดังนั้น การป้องกันกระดูกหักที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่การกินแคลเซียม แต่คือการ "ป้องกันการล้ม" (จัดบ้านให้โล่ง ติดราวจับ ฝึกเดิน ฝึกทรงตัว)

สรุป: กินแคลเซียมยังไง ให้ได้ผลจริง?

หมอไม่ได้บอกว่าแคลเซียมไม่สำคัญนะครับ มันยังจำเป็นมาก ๆ แต่ต้องกินให้ "ฉลาด" ครับ

  1. กินแคลเซียมธรรมชาติเป็นหลัก: นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว เต้าหู้ ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่ายาเม็ด
  2. ถ้ากินยาเม็ด ต้องเสริมวิตามินดี: ตากแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า หรือทานวิตามินดีเสริมตามแพทย์สั่ง
  3. ขยับร่างกาย: เดินแกว่งแขน เดินเร็ว รำไทเก็ก ให้กระดูกได้รับแรงกระตุ้น
  4. ลดเค็ม ลดกาแฟ: อุดรูรั่วไม่ให้แคลเซียมไหลออก
  5. อย่ารอให้แก่: สะสมแคลเซียมตั้งแต่วัยหนุ่มสาว คือ "ทุนสำรอง" ที่ดีที่สุด เพราะพออายุเยอะ ร่างกายจะเน้นใช้ของเก่ามากกว่าสร้างของใหม่ครับ

บทส่งท้ายจากใจหมอ

การดูแลกระดูก เหมือนการปลูกต้นไม้ครับ เราจะใส่แต่ปุ๋ย (แคลเซียม) อย่างเดียวไม่ได้ ต้องรดน้ำ (วิตามินดี) พรวนดิน (ออกกำลังกาย) และคอยไล่แมลง (ลดเค็ม/เหล้า/บุหรี่) ด้วย ต้นไม้ถึงจะแข็งแรง รากหยั่งลึก และไม่ล้มง่ายเมื่อเจอพายุครับ

ขอให้ทุกท่านมีกระดูกที่แข็งแรง ยืนเดินได้อย่างมั่นคงไปนาน ๆ นะครับ

บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่ ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง) ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ 📱 Line ID: @doctorkeng

#กระดูกพรุน #แคลเซียม #วิตามินดี #ผู้สูงอายุ #กระดูกหัก #หมอเก่งกระดูกและข้อ #ล้มในห้องน้ำ #ดูแลสุขภาพ #กินเค็ม #กระดูกสะโพกหัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น