วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ยารักษาโรคกระดูกพรุน ต้องใช้นานเท่าไหร่? และจะหยุดยาเมื่อไหร่ได้บ้าง?


ยารักษาโรคกระดูกพรุน ต้องใช้นานเท่าไหร่? และจะหยุดยาเมื่อไหร่ได้บ้าง?

หลายคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่า “กระดูกพรุน” หรือ “กระดูกบางจนเสี่ยงหัก” มักถามหมอว่า

“หมอคะ ยากระดูกพรุนต้องกินหรือฉีดนานแค่ไหน?”

“กินไปเรื่อย ๆ ได้ไหม?”

“เมื่อไหร่ถึงจะหยุดยาได้?”

คำถามนี้สำคัญมาก เพราะยากระดูกพรุนแต่ละชนิดมี “ความแรง” ต่างกัน ผลข้างเคียงต่างกัน และมี ระยะเวลาแนะนำ ที่ไม่เหมือนกัน หากใช้ถูกต้องจะช่วยลดโอกาสกระดูกหักอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้ผิดเวลาหรือนานเกินจำเป็น อาจเสี่ยงต่อผลไม่พึงประสงค์ได้

บทความนี้หมอเขียนเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ว่ายาแต่ละตัวควรใช้กี่ปี หยุดเมื่อไหร่ และต้องติดตามอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุดครับ

เหตุการณ์จากคนไข้ใกล้ตัว

คุณลัดดา อายุ 63 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่ากระดูกพรุนหลังสะโพกหักจากการล้ม หมอเริ่มให้ยาแบบฉีดปีละครั้ง เธอถามหมอว่า:

“หมอคะ หนูต้องฉีดยานี้ไปตลอดชีวิตไหมคะ? หรือหยุดได้เมื่อไหร่?”

หลังประเมินมวลกระดูกและความเสี่ยงการหกล้ม หมออธิบายว่า ยาบางตัวต้องใช้ต่อเนื่อง 3–5 ปี แล้วประเมินอีกครั้ง ขึ้นกับแต่ละบุคคล ไม่ใช่ต้องใช้ไปตลอดชีวิตเสมอไป

หมอจึงอยากเขียนบทความนี้ให้ผู้ป่วยทุกคนเข้าใจชัดเจนขึ้นครับ

ทำไมยากระดูกพรุนต้องใช้ตามระยะเวลาที่กำหนด?

ยาแต่ละชนิดมีข้อดี–ข้อจำกัดต่างกัน เช่น

  • บางตัวช่วย “ลดการสลายกระดูก”
  • บางตัวช่วย “สร้างกระดูกใหม่”
  • บางตัวช่วยทั้งสองอย่างร่วมกัน

การใช้ยานานเกินไปอาจเกิดผลไม่พึงประสงค์ เช่น กระดูกแข็งแต่ไม่ยืดหยุ่น หรือความเสี่ยงกระดูกหักแบบผิดปกติ ดังนั้นแพทย์จะกำหนดว่า ควรใช้กี่ปี และ เมื่อไหร่ควรหยุดพักยา (Drug holiday)

ยากระดูกพรุนมีกี่กลุ่ม? แต่ละกลุ่มใช้กี่ปี?

หมอแบ่งให้เข้าใจง่ายเป็น 3 กลุ่มใหญ่ครับ

🔹 1) กลุ่มยาชะลอการสลายกระดูก (Antiresorptives)

รวมถึง

  • ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (Alendronate, Risedronate)
  • ยาฉีด Zoledronic acid ปีละครั้ง
  • ยาฉีด Denosumab (ทุก 6 เดือน)

ใช้กี่ปี?

  • ยากิน / ยาฉีดปีละครั้ง: โดยทั่วไปใช้ 3–5 ปี แล้วประเมินความเสี่ยงใหม่
  • Denosumab: ต้องใช้ต่อเนื่อง ยาวจนกว่าหมอจะสั่งหยุด เพราะหยุดทันทีอาจทำให้มวลกระดูกลดลงเร็ว ต้อง “เปลี่ยนไปเป็นยากลุ่มอื่นต่อ” ห้ามหยุดกะทันหัน

📌 ทำไมไม่กิน/ฉีดตลอดชีวิต?

เพราะการใช้ยากลุ่มนี้นานเกิน 5–7 ปีอาจทำให้:

  • กระดูกต้นขาหักแบบผิดปกติ (พบได้น้อย แต่ต้องระวัง)
  • ปัญหาบางอย่างที่เกี่ยวกับกราม (พบได้น้อยมากเช่นกัน)

📌 หยุดทันทีได้ไหม?

  • บิสฟอสโฟเนต: หยุดได้หลังใช้ครบระยะ แล้วประเมินเป็นรายปี
  • Denosumab: หยุดแบบเดี่ยว ๆ ไม่ได้ ต้อง “เปลี่ยนยา” เพื่อป้องกันกระดูกหัก

🔹 2) กลุ่มยากระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolics)

เช่น

  • Teriparatide (ฉีดทุกวัน)
  • Romosozumab (ฉีดเดือนละครั้ง)

📌 ใช้กี่ปี?

  • Teriparatide → สูงสุด 24 เดือน
  • Romosozumab → 12 เดือน เท่านั้น

เพราะกระดูกจะตอบสนองต่อยากลุ่มนี้จำกัด และการใช้เกินกำหนดไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

📌 หลังครบกำหนดยาต้องทำอย่างไร?

ต้อง “ต่อด้วยยากลุ่มลดการสลายกระดูก” มิฉะนั้นมวลกระดูกจะลดลงกลับไปอีก

🔹 3) กลุ่มยาผสมฤทธิ์ (ทั้งสร้างและลดสลาย)

มีไม่กี่ชนิด ใช้ในผู้ป่วยคัดกรองเฉพาะราย โดยแพทย์จะกำหนดเป็นรายบุคคลว่าใช้กี่ปี

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพร้อม “หยุดยา” หรือ “พักยา (Drug Holiday)”?

แพทย์จะพิจารณาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ:

✔ 1) ผลตรวจมวลกระดูก (BMD / T-score)

  • ถ้าดีขึ้นจนพ้นโซนอันตราย → หยุดได้
  • ถ้ายังต่ำมาก → ต้องรักษาต่อ

✔ 2) ประวัติกระดูกหัก

ถ้าเคยหักจากแรงเบา ๆ → มักต้องใช้ยานานกว่า

✔ 3) อายุและความเสี่ยงล้ม

อายุเยอะ–ล้มง่าย → ควรใช้ยานานขึ้น

✔ 4) ชนิดของยา

บางชนิดหยุดได้ บางชนิดต้องค่อย ๆ เปลี่ยนยา เช่น Denosumab

หยุดยาแล้วต้องระวังอะไร?

  • อย่าหยุดยาเองเด็ดขาด (โดยเฉพาะ Denosumab)
  • ต้องตรวจมวลกระดูกทุก 1–2 ปี
  • ต้องเสริมแคลเซียม–วิตามินดีให้เพียงพอ
  • ต้องออกกำลังกายลงน้ำหนัก เช่น เดินเร็ว
  • สังเกตสัญญาณเตือน เช่น ปวดต้นขาเรื้อรังหลังใช้ยานานหลายปี

ยากระดูกพรุน “ใช้ชั่วคราว” หรือ “ใช้ตลอดชีวิต”? หมอสรุปให้

✔ ยาส่วนใหญ่ “ใช้เป็นคอร์สตามระยะ”

  • บิสฟอสโฟเนต: 3–5 ปี แล้วประเมินใหม่
  • Zoledronic acid: ปีละครั้ง 3 ปี
  • Teriparatide: 24 เดือน
  • Romosozumab: 12 เดือน

✔ มียาบางตัวต้องใช้ต่อเนื่อง (แต่ไม่ตลอดชีวิต)

  • Denosumab ต้องใช้ต่อเนื่องจนแพทย์สั่งหยุด และต้องเปลี่ยนไปยาตัวอื่นหลังหยุด

✔ เป้าหมายไม่ใช่การใช้ยาไปเรื่อย ๆ

แต่คือการ “ลดโอกาสกระดูกหัก” ให้ปลอดภัยที่สุดในระยะยาว

หมออยากบอกว่า…

ยากระดูกพรุนไม่ใช่ยาที่ต้องใช้ตลอดชีวิตทุกคน แต่ต้องใช้ ถูกตัว–ถูกเวลา–ถูกระยะ และหยุดอย่างปลอดภัยภายใต้การประเมินของแพทย์

การรู้ว่ายาแต่ละตัวต้องใช้กี่ปี และหยุดเมื่อไหร่ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันกระดูกหักในผู้สูงอายุอย่างได้ผล

ดูแลตัวเองควบคู่ไปกับการรักษา เช่น ออกกำลังกายลงน้ำหนัก พัฒนากล้ามเนื้อสะโพก–แกนกลาง และป้องกันการหกล้ม จะช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้ยาวนานครับ 😊

บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)

ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ

สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ

📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666

#ยากระดูกพรุน #กระดูกพรุน #osteoporosis #ยาallopurinol #หมอเก่งให้ความรู้ #กระดูกและข้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น