การใช้ยารักษาโรคกระดูกพรุน ต้องใช้ “นานแค่ไหน?” และ “หยุดยาได้หรือไม่?”
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากมวลกระดูกลดลง ทำให้เสี่ยงต่อ “กระดูกหักจากแรงเบา” เช่น หกล้มเบา ๆ ก็หักได้ ซึ่งพบมากในวัย 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีคำถามสำคัญว่า
“ต้องใช้ยานานแค่ไหน?” และ “หยุดยากระดูกพรุนได้ไหม?”
บทความนี้หมอสรุปอย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย และอ้างอิงจากแนวทางสากล เพื่อช่วยให้ตัดสินใจอย่างปลอดภัยครับ
🔵 กลุ่มยารักษาโรคกระดูกพรุนแต่ละประเภท และระยะเวลาที่ควรใช้
การรักษามีหลายกลุ่มยา แต่ละชนิดมีกลไกและ “กฎเรื่องการหยุดยา” ไม่เหมือนกัน หมอสรุปเป็นประเภทดังนี้
🟣 1) กลุ่มยาชะลอการสลายกระดูก (Antiresorptive drugs)
A. Bisphosphonates
เช่น Fosamax (alendronate), Actonel, Bonviva, Aclasta (zoledronic acid)
📌 ระยะเวลาที่ควรใช้
กิน (oral) → 3–5 ปี
ฉีดปีละครั้ง (Aclasta) → 3 ปีติดต่อกัน
หลังครบกำหนด แพทย์จะประเมินความเสี่ยงกระดูกหักอีกครั้ง เพื่อพิจารณา “พักยา (Drug holiday)” ได้
📌 สามารถหยุดยาได้ไหม?
หยุดได้ (เฉพาะยากลุ่มนี้) เพราะยาเก็บสะสมในกระดูกยาวนาน และยังคงป้องกันกระดูกหักหลังหยุดได้หลายปี
📌 เหมาะกับใคร?
กระดูกพรุนปานกลาง–รุนแรง
ผู้ที่ไม่สามารถรับ Prolia ได้
🟣 B. Denosumab (Prolia)
เป็นยาฉีดทุก 6 เดือน ยับยั้งเซลล์สลายกระดูกอย่างมีประสิทธิภาพมาก
📌 ระยะเวลาที่ควรใช้
ควรใช้ อย่างน้อย 3–5 ปี
ผู้มีความเสี่ยงสูงอาจใช้ ยาวกว่า 5–10 ปี
📌 หยุดยาได้ไหม?
ห้ามหยุดเฉียบพลันเด็ดขาด!
หากหยุด → กระดูกอ่อนแรงทันที
เสี่ยง กระดูกสันหลังหักเป็นปล้อง ๆ (Rebound Vertebral Fracture) ภายใน 6–12 เดือน
📌 ถ้าต้องหยุด ต้องทำอย่างไร?
ต้อง เปลี่ยนไปใช้ยากลุ่ม Bisphosphonates ทันที เพื่อป้องกันรีบาวด์
📌 เหมาะกับใคร?
กระดูกพรุนระดับปานกลาง–รุนแรง
ผู้ที่มีกระดูกสันหลังเคยยุบหรือเสี่ยงสูง
🔵 2) กลุ่มยากระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents)
Teriparatide (Forsteo), Abaloparatide
กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูกโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงกระดูกหักสูงมาก
📌 ระยะเวลาที่ควรใช้
สูงสุด 18–24 เดือน
📌 หลังครบ 2 ปี ต้องทำอย่างไร?
ต้อง ต่อด้วย Bisphosphonate หรือ Prolia เพื่อ “ล็อกผลลัพธ์” ไม่ให้กระดูกลดลง
📌 เหมาะกับใคร?
ผู้ที่มีรอยยุบของกระดูกสันหลังหลายจุด
กระดูกพรุนรุนแรงมาก
🔵 3) ยาฮอร์โมนทดแทน (HRT) และ SERMs
เช่น Evista (raloxifene)
📌 ระยะเวลาที่ใช้
ขึ้นกับความจำเป็นด้านอาการหมดประจำเดือน และความเสี่ยงส่วนตัว
ใช้เป็นตัวเลือกเสริมในบางราย
📌 หยุดยาได้ไหม?
หยุดได้ แต่การป้องกันกระดูกจะหายไปทันที
🔵 4) แคลเซียม + วิตามินดี
เสริมร่วมกับยาหลัก แต่ ไม่ได้รักษากระดูกพรุนเพียงลำพัง
ระยะเวลาการใช้
รับประทานได้ยาวนาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
ต้องปรับขนาดตามผลเลือดและการทำงานของไต
🔥 สรุป “การหยุดยา” ของแต่ละกลุ่ม (สำคัญมาก!)
Bisphosphonates → หยุดได้ หลัง 3–5 ปี หากความเสี่ยงลดลง
Prolia (Denosumab) → ห้ามหยุดเด็ดขาด ถ้าต้องหยุดต้องเปลี่ยนยา
Teriparatide → หยุดได้ แต่ต้องต่อด้วยยาอีกชนิดทันที
HRT / SERMs → หยุดได้ แต่การป้องกันกระดูกจะหายไป
แคลเซียม–วิตามินดี → ใช้ได้ยาวนาน
🧠 แล้ว “ตัวเรา” ต้องใช้ยานานแค่ไหน?
คำตอบขึ้นกับ 4 ปัจจัย:
ค่า T-score จาก DEXA scan
เคยมีกระดูกหักจากแรงเบา (Fragility fracture) หรือไม่
อายุ + ความเสี่ยงล้ม
โรคร่วม เช่น ไต เบาหวาน มะเร็ง
แพทย์จะใช้ข้อมูลเหล่านี้กำหนด “ระยะเวลาเหมาะสมเฉพาะราย”
🟢 หมอสรุปแบบเข้าใจง่าย
ยากระดูกพรุน “แต่ละประเภท” ใช้ไม่เท่ากัน
บางตัวหยุดได้ (Bisphosphonate)
บางตัว หยุดไม่ได้ (Prolia)
บางตัวใช้แค่ 18–24 เดือนแล้วต้องเปลี่ยนยา (Teriparatide)
การประเมิน DEXA scan ทุก 1–2 ปี ช่วยกำหนดแผนรักษาที่ยั่งยืน
การหยุดยาหรือเปลี่ยนยา ต้องอยู่ภายใต้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันภาวะกระดูกสันหลังหักซ้ำ
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#กระดูกพรุน #ยากระดูกพรุน #Prolia #Fosamax #Forsteo #ข้อเสื่อม #หมอเก่ง #ป้องกันกระดูกหัก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น