วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ยารักษาโรคกระดูกพรุน: มีกี่กลุ่ม อะไรบ้าง และกลไกการออกฤทธิ์

ยารักษาโรคกระดูกพรุน: มีกี่กลุ่ม อะไรบ้าง และกลไกการออกฤทธิ์

โรคกระดูกพรุนเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของกระดูก ทำให้กระดูกบางและแตกหักง่าย การรักษาโรคกระดูกพรุนมีหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการใช้ยา ซึ่งยารักษาโรคกระดูกพรุนสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

1. ยากลุ่มยับยั้งการสลายกระดูก (Anti-resorptive agents)

กลไกของยากลุ่มนี้คือ การลดหรือยับยั้งการทำงานของเซลล์สลายกระดูก (Osteoclasts) ทำให้กระดูกไม่ถูกทำลายหรือถูกสลายน้อยลง กลุ่มยาที่ใช้บ่อยได้แก่:

• บิสฟอสโฟเนต (Bisphosphonates): เช่น อะเลนโดรเนต (Alendronate), ริเซดรอเนต (Risedronate), และโซเลดรอเนต (Zoledronate) ยากลุ่มนี้ช่วยลดการสลายกระดูกและเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• เอสโตรเจน (Estrogen): สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ยาเอสโตรเจนช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก เนื่องจากเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก แต่มีข้อควรระวังเกี่ยวกับผลข้างเคียงต่อหัวใจและหลอดเลือด

• Selective Estrogen Receptor Modulators (SERMs): ยากลุ่มนี้ เช่น ราลอกซิฟีน (Raloxifene) มีการออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนในการปกป้องกระดูก แต่ไม่ส่งผลต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ ในร่างกายเช่น มดลูกและเต้านม

• RANK ligand inhibitors: ยาเดนูซูแมบ (Denosumab) ยานี้ทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของโปรตีนที่กระตุ้นการทำลายกระดูก ทำให้กระดูกเสื่อมช้าลง

2. ยากลุ่มกระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents)

กลไกของยากลุ่มนี้คือการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblasts) ทำให้กระดูกถูกสร้างขึ้นใหม่และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก กลุ่มยาที่ใช้ได้แก่:

• Teriparatide (PTH 1-34): เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่คล้ายกับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ยานี้ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่กระดูกพรุนอย่างรุนแรงหรือผู้ที่มีกระดูกหักบ่อยครั้ง

• Romosozumab: ยาตัวนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่และลดการสลายกระดูกในเวลาเดียวกัน ทำให้กระดูกมีความหนาแน่นมากขึ้น

ความแตกต่างและการเลือกใช้ยา

การเลือกใช้ยารักษาโรคกระดูกพรุนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ เพศ ระดับความรุนแรงของโรค และความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก การรักษาในระยะเริ่มแรกมักใช้ยากลุ่มยับยั้งการสลายกระดูก แต่หากผู้ป่วยมีกระดูกพรุนขั้นรุนแรง อาจพิจารณาใช้ยากลุ่มกระตุ้นการสร้างกระดูก

ข้อแนะนำ: การใช้ยารักษาโรคกระดูกพรุนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากยาแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมในการใช้ยาจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การป้องกันและการรักษาโรคกระดูกพรุนอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ การเลือกใช้ยาที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์

ปรึกษาปัญหากระดูกและข้อได้ที่ line ID @doctorkeng ไม่เสียค่าใช้จ่าย

https://page.line.me/vjn2149j?openQrModal=tru

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น