วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ความสำคัญของแคลเซียม

ความรู้เรื่องแคลเซียม

    หลายครั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่มีความสงสัยเกี่ยวกับแคลเซียมซึ่งมีการโฆษณาทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ว่าความจริงนั้นเราจำเป็นต้องรับประทานแคลเซียมหรือไม่ ถ้าทานไปแล้วจะเกิดการสะสมในร่างกายทำให้เกิดกระดูกงอก เกิดนิ่วในไต หรือมีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่
    ความจริงแล้วร่างกายของคนเรามีความต้องการของแคลเซียมเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก โดยมีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุคือ
  • เพศชายและเพศหญิงอายุ 9-18 ปี ต้องการแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เพศชายและเพศหญิงอายุ19-50 ปี ต้องการแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตรต้องการแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เพศชายและเพศหญิงอายุมากกว่า 50 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • อาหารที่มีแคลเซียมสูงได้แก่ โยเกิร์ต, นม 1 แก้ว(250 cc) มีแคลเซียม 300มก., ปลากระป๋อง, ผักบร๊อคเคอรี่,  ผักใบเขียว
     จากการศึกษาวิจัยในคนไทยพบว่าจากอาหารการกินที่เรารับอยู่ในปัจจุบันจะได้ปริมาณแคลเซียมโดยเฉลี่ยประมาณ 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งหมายความว่าร่างกายของคนเรานั้นยังขาดแคลเซียมอยู่ ดังนั้นจึงควรได้รับแคลเซียมเสริมเข้าไปให้เพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายต้องการ ซึ่งชนิดของแคลเซียมก็ควรเหมาะสมในแต่ละช่วงอายุเช่น ถ้าเป็นในวัยเด็กและวัยรุ่นร่างกายยังต้องการพลังงาน และโปรตีน การให้ดื่มนมซึ่งมีปริมาณแคลเซียมสูงก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม สำหรับในกลุ่มประชาชนที่มีอายุมากขึ้นการดื่มนมเพื่อรับปริมาณแคลเซียมอาจจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป อาจทำให้อ้วนได้ และโดยเฉพาะในผู้สูงอายุซึ่งมักมีโรคข้อเข่าเสื่อมร่วมด้วยก็อาจทำให้อาการข้อเข่าเสื่อมแย่ลงถ่้าผู้ป่วยดื่มนมและทำให้นำ้หนักร่างกายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในผู้สูงอายุจึงแนะนำให้รับประทานแคลเซียมชนิดที่มีปริมาณแคลเซียมประมาณ 1,500 มิลลิกรัม ซึ่งจะแตกตัวให้ปริมาณแคลเซียมประมาณ 600 มิลลิกรัม เมื่อรวมกับปริมาณของแคลเซียมที่ได้จากอาหารก็จะเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
       ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรรับประทานแคลเซียมคือ หลังอาหารทันที ซึ่งจะเป็นช่วงไหนก็ได้ของวันเพราะระบบทางเดินอาหารจะมีการหลั่งกรดออกมาซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น



ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์  ภาควิชาออร์โทปิดิกส์  คณะแพทยศาสตร์, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
tleerapun@gmail.com ,  www.taninnit.com , Facebook: Dr.Keng หมอเก่ง,
 line ID search : @doctorkeng







  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น