วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“ยารักษากระดูกพรุน มีกี่แบบ? ต่างกันยังไง?”

🦴 “ยารักษากระดูกพรุน มีกี่แบบ? ต่างกันยังไง?”


เข้าใจง่ายใน 5 นาที โดยหมอกระดูกและข้อ

คนไข้หลายคนถามว่า

“หมอครับ ยากระดูกพรุนที่ผมกินนี่ เป็นแบบสร้างกระดูก หรือแบบยับยั้งการสลายกระดูกครับ?”

คำถามนี้ดีมากครับ เพราะยารักษาโรคกระดูกพรุนมี 2 กลุ่มหลัก ซึ่งทำงาน ตรงกันข้ามกันเลย!

✅ ยารักษากระดูกพรุน มีกี่กลุ่ม?

มียา 2 กลุ่มใหญ่ที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน:

① กลุ่มกระตุ้นการสร้างกระดูก (Bone Formation Agents)

📌 ทำงาน: ช่วย “เร่งการสร้าง” กระดูกใหม่ให้เร็วขึ้น

📌 ใช้เมื่อไร: ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงกระดูกหักสูง เช่น กระดูกสันหลังยุบ หรือเคยหักซ้ำ

📌 ตัวอย่างยา:

• Teriparatide (PTH) – ยาฉีดกระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก

• Romosozumab – ยาฉีดที่กระตุ้นสร้าง และลดสลายกระดูกด้วย (dual effect)

📌 ข้อดี: เพิ่มความหนาแน่นกระดูกเร็ว

📌 ข้อควรระวัง: ราคาสูง, ต้องฉีด, จำกัดระยะเวลาใช้

② กลุ่มลดการสลายกระดูก (Antiresorptive Agents)

📌 ทำงาน: “ชะลอการสลาย” กระดูกที่มีอยู่

📌 ใช้เมื่อไร: เป็นยาหลักที่ใช้กันทั่วไปในผู้หญิงวัยทอง และผู้สูงอายุ

📌 ตัวอย่างยา:

• Bisphosphonates (Alendronate, Risedronate) – กินหรือฉีด

• Denosumab – ยาฉีดทุก 6 เดือน

• SERMs เช่น Raloxifene – ใช้ในบางกลุ่มผู้หญิง

• ฮอร์โมนเอสโตรเจน (ในรายที่เหมาะสม)

📌 ข้อดี: ป้องกันกระดูกหักได้ดี, มีข้อมูลวิจัยยาวนาน

📌 ข้อควรระวัง: บางตัวอาจมีผลข้างเคียงต่อกระเพาะหรือไต ต้องกิน/ฉีดตามคำแนะนำแพทย์

💬 สรุปท้าย

ยารักษาโรคกระดูกพรุนแต่ละชนิดมีข้อดีต่างกัน ไม่มี “ยาดีที่สุด” สำหรับทุกคน

สิ่งสำคัญที่สุดคือ:

✅ ตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์

✅ เจาะเลือด-วัดความหนาแน่นกระดูก

✅ ประเมินความเสี่ยงกระดูกหัก

เพื่อเลือก “ยาที่เหมาะกับคุณ” ที่สุดในเวลานั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น