🦴 “ยารักษากระดูกพรุน มีกี่แบบ? ต่างกันยังไง?”
เข้าใจง่ายใน 5 นาที โดยหมอกระดูกและข้อ
คนไข้หลายคนถามว่า
“หมอครับ ยากระดูกพรุนที่ผมกินนี่ เป็นแบบสร้างกระดูก หรือแบบยับยั้งการสลายกระดูกครับ?”
คำถามนี้ดีมากครับ เพราะยารักษาโรคกระดูกพรุนมี 2 กลุ่มหลัก ซึ่งทำงาน ตรงกันข้ามกันเลย!
⸻
✅ ยารักษากระดูกพรุน มีกี่กลุ่ม?
มียา 2 กลุ่มใหญ่ที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน:
⸻
① กลุ่มกระตุ้นการสร้างกระดูก (Bone Formation Agents)
📌 ทำงาน: ช่วย “เร่งการสร้าง” กระดูกใหม่ให้เร็วขึ้น
📌 ใช้เมื่อไร: ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงกระดูกหักสูง เช่น กระดูกสันหลังยุบ หรือเคยหักซ้ำ
📌 ตัวอย่างยา:
• Teriparatide (PTH) – ยาฉีดกระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก
• Romosozumab – ยาฉีดที่กระตุ้นสร้าง และลดสลายกระดูกด้วย (dual effect)
📌 ข้อดี: เพิ่มความหนาแน่นกระดูกเร็ว
📌 ข้อควรระวัง: ราคาสูง, ต้องฉีด, จำกัดระยะเวลาใช้
⸻
② กลุ่มลดการสลายกระดูก (Antiresorptive Agents)
📌 ทำงาน: “ชะลอการสลาย” กระดูกที่มีอยู่
📌 ใช้เมื่อไร: เป็นยาหลักที่ใช้กันทั่วไปในผู้หญิงวัยทอง และผู้สูงอายุ
📌 ตัวอย่างยา:
• Bisphosphonates (Alendronate, Risedronate) – กินหรือฉีด
• Denosumab – ยาฉีดทุก 6 เดือน
• SERMs เช่น Raloxifene – ใช้ในบางกลุ่มผู้หญิง
• ฮอร์โมนเอสโตรเจน (ในรายที่เหมาะสม)
📌 ข้อดี: ป้องกันกระดูกหักได้ดี, มีข้อมูลวิจัยยาวนาน
📌 ข้อควรระวัง: บางตัวอาจมีผลข้างเคียงต่อกระเพาะหรือไต ต้องกิน/ฉีดตามคำแนะนำแพทย์
💬 สรุปท้าย
ยารักษาโรคกระดูกพรุนแต่ละชนิดมีข้อดีต่างกัน ไม่มี “ยาดีที่สุด” สำหรับทุกคน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ:
✅ ตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์
✅ เจาะเลือด-วัดความหนาแน่นกระดูก
✅ ประเมินความเสี่ยงกระดูกหัก
เพื่อเลือก “ยาที่เหมาะกับคุณ” ที่สุดในเวลานั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น